อาจจะกล่าวได้ว่าในปัจจุบันนี้การรักษาแบบ supportive care เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ได้ยินกันบ่อยครั้งอย่างมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าการรักษาในลักษณะ supportive care จะช่วยเพิ่มความสุขและเพิ่มศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับคนป่วยได้มากขึ้นกว่าเดิม เปรียบเสมือนการเลือกครั้งสุดท้ายของคนป่วยนั่นเอง อย่างไรก็ดีวันนี้เราจะอาสาพามาดูว่าการรักษา supportive care นั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง
1.ลดความเจ็บป่วยของคนไข้อย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากว่าการรักษาแบบนี้จะช่วยควบคุมอาการไม่สุขสบายของคนไข้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่าในผู้ป่วยซึ่งเป็นระยะสุดท้ายนี้ คนไข้เองก็จะมีความเปราะบางของอวัยวะในร่างกายเพิ่มมากขึ้น และยังมีกลุ่มอาการต่างๆ ของร่างกายที่ส่งผลให้เกิดความไม่สุขสบาย การรักษาแบบประคับประคองจะช่วยจัดการอาการไม่พึงประสงค์ได้ทำให้คุณภาพชีวิตโดยรวมของคนป่วยดีกว่าเดิม และที่สำคัญยังทำให้คนป่วยได้พบความสุขในบั้นปลายของชีวิตอีกด้วย อาการที่พบจนส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของคนไข้ก็คือ อาการปวด หายใจลำบาก ถ่ายมากเกินไป หรือถ่ายไม่ออก นอกจากนี้ยังมีอาการอ่อนแรง อาการเหนื่อยล้า อาการผิดปกติในปาก เช่น บางคนมีแผลในปากบ่อยครั้ง บางคนปากแห้ง เป็นต้น ซึ่งหากรักษาแบบประคับประคอง จะมีการช่วยเหลือคนป่วยทางด้านการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ เพื่อให้เกิดความสุขสบายมากที่สุด อีกทั้งยังมีการประเมินอาการและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดอีกด้วย
2.ทำการรักษาแบบประคับประคอง
บางคนเข้าใจว่าเมื่อมีการดูแลแบบประคับประคองก็หมายถึงการไม่ทำการรักษาอะไรเลย แท้จริงแล้วยังมีการรักษาอยู่เช่นเดิม มีทั้งการผ่าตัดแบบประคับประคอง ซึ่งจะทำก็ต่อเมื่อเกิดก้อนมะเร็งที่เบียดอวัยวะ ทำให้คนไข้รู้สึกสบายกายกว่าเดิม รวมไปถึงการรักษาแบบประคับประคอง ซึ่งก็จะเป็นการใช้รังสีเพื่อการรักษาแบบประคับประคองอีกด้วย เป็นการลดขนาดของก้อนมะเร็ง อีกทั้งยังควบคุมการเจ็บปวดจากมะเร็งได้ดีอีกด้วย โดยทางแพทย์ก็จะเป็นผู้ที่ทำการพิจารณาเองว่าเมื่อใดที่จะทำการรักษาแบบประคับประคอง และเมื่อใดที่จะทำการผ่าตัดแบบประคับประคอง เป็นต้น อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนทางที่เพิ่มความสะดวกสบาย สำหรับคนที่เจ็บปวดร่างกาย หรือคนไข้ที่รับการรักษาแบบประคับประคองนั่นเอง
อาจจะกล่าวได้ว่าการทำการรักษาแบบประคับประคอง จะเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือต่อผู้ที่ต้องการให้คุณภาพชีวิตของคนที่เจ็บปวดนั้นดีกว่าเดิม หากว่าใครที่ต้องการศึกษาในเรื่องการดูแลแบบประคับประคองมากกว่านี้ ควรศึกษาเพิ่มเติม โดยอ่านจากหนังสือ หรืออ่านงานวิจัยก็ได้เช่นกัน เพื่อองค์ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น จนนำไปสู่การเตรียมตัวของตนเองในอนาคตอีกด้วย